ประโยคสัญลักษณ์ที่มีเครื่องหมายเท่ากับ (=) เรียกว่า สมการ ส่วนประโยคที่มีเครื่องหมาย
> , < , เรียกว่า อสมการ
ลองพิจารณาประโยคสัญลักษณ์ต่อไปนี้
1) 11 + 12 = 23 3) 16 + 5 > 20 5) 7 + 0 = 7
2) 15 + 18 20 4) 13 + 12 < 30 6) 2 + 1 > 2
จากประโยคสัญลักษณ์ข้างต้นจะเห็นว่า ข้อ 1 และ ข้อ 5 มีเครื่องหมาย เท่ากับ เป็นสมการ
ส่วนข้อ 2 , 3 ,4 และ ข้อ 6 เป็น อสมการ
สมการที่มีตัวไม่ทราบค่า
สมการ มีทั้งสมการที่มีตัวไม่ทราบค่าหรือตัวแปร และสมการที่ไม่มีตัวไม่ทราบค่า
เช่น
a + 20 = 25 มี a เป็นตัวแปรหรือตัวไม่ทราบค่า
48 - จ = 4 มี จ เป็นตัวแปรหรือตัวไม่ทราบค่า
ตัวแปร คือตัวสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวที่ไม่ทราบค่า นิยมเขียนแทนด้วยพยัญชนะไทย หรือ อักษรภาษาอังกฤษ
การพิจารณาสมการ
สมการที่เป็นจริงและที่เป็นเท็จ
สมการที่เป็นจริงและที่เป็นเท็จ
พิจารณาสมการต่อไปนี้
3 + 5 = 5 + 3 เป็นสมการที่เป็นจริง เพราะใช้คุณสมบัติการสลับที่ของการบวก จำนวนที่อยู่ทาง ขวามือและจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือของเครื่องหมายเท่ากับ มีค่าเท่ากัน
2 + 8 = 4 + 5 เป็นสมกาการที่เป็นเท็จเพราะจำนวนที่อยู่ทางขวามือและจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือ ของเครื่องหมายเท่ากับ มีค่าไม่เท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1 แก้สมการ ก + 3 = 15
วิธีทำ ก + 3 = 15
ก + 3 - 3 = 15 - 3 (สมบัติการลบ)
ก = 12
ตรวจคำตอบ แทนค่า ก ด้วย 12 ในสมการ ก + 3 = 15
จะได้ 12 + 3 = 15 ซึ่งเป็นสมการที่เป็นจริง
ตอบ ๑๓
ตัวอย่างที่ 2 แก้สมการ a - 8 = 12
วิธีทำ a - 8 = 12
a - 8 + 8 = 12 + 8 (สมบัติการบวก)
a = 20
ตรวจคำตอบ แทนค่า a ด้วย 20 ในสมการ a - 8 = 12
จะได้ 20 - 8 = 12 ซึ่งเป็นสมการที่เป็นจริง
ตอบ 20
2. การแก้สมการโดยใช้สมบัติการเท่ากันเกี่ยวกับการคูณ หรือการหาร
ตัวอย่างที่ 3 แก้สมการ 6 = 5
วิธีทำ = 5
6 = 5 6 (สมบัติการคูณ)
= 30
นำ 30 ไปแทน ในสมการ จะได้ 30 6 = 5 ซึ่งเป็นสมการที่เป็นจริง
ดังนั้นคำตอบของสมการ คือ 30
ตอบ ๓๐
ตัวอย่างที่ 4 แก้สมการ = 72
วิธีทำ = (สมบัติการหาร)
= 8
นำ 8 ไปแทน ในสมการ จะได้ 8 x 9 = 72 ซึ่งเป็นสมการที่เป็นจริง
ดังนั้น คำตอบของสมการ คือ 72
ตอบ ๗๒
ข้อควรระวัง ถ้านำจำนวนที่หาได้ไปแทนตัวไม่ทราบค่าในสมการ แล้วได้
สมการที่เป็นเท็จ แสดงว่า จำนวนนั้นไม่ใช่คำตอบของสมการ
ถ้ายังไม่เข้าใจอ่านใหม่อีกรอบครับ คนขยันฉลาดเสมอ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น